วันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

Biofloc

Feed Supplement and Feed Additive

สารเสริมในอาหารสัตว์ คือ สารที่ใช้ปรับปรุงอาหารพื้นฐาน ( Basal diet) ให้มีคุณภาพดีขึ้นหรือมีคุณค่าทางโภชนะที่เหมาะสมเพียงพอต่อความต้องการของสัตว์
Feed Supplement  คือ  วัตถุดิบอาหารสัตว์ชนิดเดียวหรือหลายชนิดรวมกัน มีความเข้มข้นของสารอาหารชนิดใดชนิดหนึ่งอยู่สูง ใช้เติมลงในการผสมอาหาร เพื่อให้เกิดความสมดุลของสารอาหารในอาหาร “ เสริมให้มีคุณค่าทางอาหารเหมาะสมต่อการเจริญเติบโต ”
Feed Additive  คือ    สารที่เติมลงในอาหารให้สัตว์กินเพื่อจุดประสงค์อื่นๆ ไม่ใช่เป็นการให้สารอาหารโดยตรงกับสัตว์ แต่เป็นการกระตุ้นการเจริญเติบโตหรือการให้ผลผลิตช่วยปรับปรุงคุณภาพของอาหาร เช่น ยาปฎิชีวนะ ยากันรา ยากันหืน   
“ เสริมให้คุณสมบัติดีขึ้น เพื่อเพิ่มผลผลิตและบำรุงสัตว์ ”

ความแตกต่างของ Feed Supplement & Additive

• Supplement : เสริมให้มีคุณค่าทางอาหารเหมาะสมต่อการเจริญเติบโตตามปกติ

• Additive : เสริมให้มีคุณสมบัติดีขึ้น เพื่อเพิ่มผลผลิต และบำรุงสุขภาพของสัตว์

แต่อย่างไรก็ตามยังมีการเสริมอาหารที่มีผลทางอ้อม นั้นคือ Feed additive ทางอ้อม โดยการเสริมเพื่ออีกสิ่งหนึ่ง แล้วไปมีผลต่อสัตว์ ตัวอย่างเทคโนโลยี Biofloc Technology ในสัตว์น้ำ

Biofloc Technology  คือ  การนำตะกอนจุลินทรีย์ (Biofloc) มาช่วยในการกำจัดของเสียที่เหลือจากการบริโภคของสัตว์น้ำ และจากการขับถ่าย ให้กลายเป็นของดีที่มีประโยชน์ต่อสัตว์น้ำ กล่าวคือ ตะกอนจุลินทรีย์ (Biofloc) เป็นตะกอนอินทรีย์แขวนลอยในมวลน้ำ ยึดเกาะเป็นกลุ่มโดยพวกสาหร่ายแพลงก์ตอนพืช  โปรโตซัว และแบคทีเรีย โดยกลุ่มแบคทีเรียจะเป็นพวกเฮทเทอโรโทรฟิค แบคทีเรีย (Heterotrophic Bacteria) ในกระบวนการ biological nitrogen fixation สิ่งมีชีวิตเหล่านี้จะทําหน้าที่เปลี่ยนของเสียที่สัตว์น้ำขับถ่าย เช่น แอมโมเนีย และของเสียสารอินทรีย์อื่น ๆเป็น biomass ของสิ่งมีชีวิตและจุลินทรีย์  ซึ่งสัตว์น้ำสามารถใช้ เป็นอาหารได้ ดังรูปภาพ
กลไกการทำงานของ BioFloc

ที่มา : https://link.springer.com/article/10.1007/s13201-016-0421-4

ซึ่งโดยปกติแล้วในธรรมชาติจะเกิดการบำบัดไนโตรเจนที่เป็นของเสียโดยกระบวนการ Nitrification และ Denitrification ดังนี้

กระบวนการไนตริฟิเคชั่น  (Nitrification)  อาศัยการทำงานของแบคทีเรียกลุ่มไนตริไฟอิง เช่น Nitrosomonas sp.จะเปลี่ยนแอมโมเนียเป็นไนไตรท์ และ Nitrobacter sp. จะเปลี่ยนจากไนไตรท์เป็นไนเตรท ซึ่งแบคทีเรียกลุ่มนี้จะใช้คาร์บอนจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นแหล่งพลังงานในการเปลี่ยนรูปแอมโมเนียซึ่งเป็นพิษรุนแรงต่อสัตว์น้ำให้เป็นไนเตรทที่มีความเป็นพิษต่ำกระบวนการไนตริฟิเคชั่นจะเกิดขึ้นในสภาวะที่มีก๊าซออกซิเจน กล่าวคือ ต้องการปริมาณออกซิเจนที่ละลายน้ำมากกว่า 4 mg/l จึงถือได้ว่ามีความเหมาะสมต่อกระบวนการนี้

กระบวนการดีไนตริฟิเคชั่น  (Denitrification) เป็นปฏิกิริยาที่เปลี่ยนไนเตรทให้อยู่ในรูปของก๊าซไนโตรเจน และจะเกิดขึ้นในสภาวะที่ปราศจากออกซิเจน กระบวนการนี้อาศัยการทำงานของแบคทีเรียกลุ่มเฮทเทโรโทรฟิค (Heterotrophic bacteria) ซึ่งเป็นกลุ่มแบคทีเรียที่ไม่สามารถสร้างอาหารขึ้นเองได้ จึงจำเป็นต้องอาศัยสารอินทรีย์หรือซากสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ เพื่อเป็นวัตถุดิบในการเจริญเติบโตและเป็นแหล่งพลังงาน ตัวอย่างของแบคทีเรียกลุ่มเฮทเทโรโทรฟิคนี้เช่น Bacillus denitricans และ Pseudomonas sp.

ซึ่งการนำ Biofloc Technoly มาปรับใช้จะสามารถช่วยบำบัดไนโตรเจนได้ดีกว่าแบบในธรรมชาติดังนี้

โดยปกติแล้วอาหารที่เหลือจากการใช้ประโยชน์แก่สัตว์น้ำก็มักจะตกตะกอนอยู่ที่ก้นบ่อ หรือไม่ก็อุดตันอยู่ตามตัวกรองต่าง ๆ ซึ่งถือเป็นต้นเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดการสะสมของสารอนินทรีย์ไนโตรเจนภายในบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำ ด้วยเหตุนี้แนวคิดเกี่ยวกับการใช้ไบโอฟลอคมาเป็นตัวช่วยบำบัดไนโตรเจนจึงได้เกิดขึ้น ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า การที่จะให้ตัวไบโอฟลอคทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภายในบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำของเราจะต้องมีการผสมและหมุนเวียนของน้ำภายในบ่อเป็นอย่างดี ยิ่งกว่านั้นจะต้องทำการเติมก๊าซออกซิเจนให้มาก พอ ๆ กับการควบคุมสัดส่วนของคาร์บอนกับไนโตรเจนให้เหมาะสม จึงจะทำให้จุลินทรีย์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้นนี้ถือเป็นปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของแบคทีเรียกลุ่มเฮทเทโรโทรฟิคให้มีปริมาณเพียงพอภายในบ่อเลี้ยง และรวมกลุ่มกันกลายเป็นกลุ่มไบโอฟลอคในที่สุด

                 ดังนั้น ถ้านำ Biofloc Technology มาใช้ในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำน่าจะส่งผลดีต่อคุณภาพน้ำและลดต้นทุนค่าอาหาร ส่งผลให้การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำประสบความสำเร็จมากขึ้น เราจึงทำการรวบรวมเอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวข้องมาแสดง

Biofloc Technology ต่อคุณภาพน้ำสำหรับการเพาะเลี้ยงปลานิล

Kenneth et al. (2018)

          การศึกษาของ Kenneth et al. (2018) พบว่าการใช้ Biofloc Technology สามารถลดค่าแอมโมเนียรวมในน้ำ (TAN) ได้ดี โดยใช้น้ำตาลเป็นแหล่งคาร์บอนในอาหารเพื่อผลิต Biofloc Technology นอกจากนี้ผลของการใช้ Biofloc Technology ต่อสรรถนะการเจริญเติบโตของปลานิลพบว่าการเสริมแหล่งคาร์บอนในอาหาร (Molasses : กากน้ำตาล) ในการทำ Biofloc ส่งผลให้ค่าน้ำหนักสุดท้าย,ค่าความยาลลำตัวสุดท้าย, และอัตราการเจริญเติบโตจำเพาะ (SGR) มีค่าสูงขึ้น ค่าที่สูงขึ้นเป็นผลมาจากการทำงานของกลุ่ม Heterotrophic Bacteria การเสริมแหล่งคาร์บอนจะช่วยให้มีอัตราการแลกเปลี่ยนอาหารเป็นเนื้อต่ำ (FCR ต่ำ ประสิทธิภาพใช้อาหารดี) ในกลุ่มที่ใช้ Biofloc
          ดังนั้นการใช้ Biofloc Technology ที่เสริมแหล่งคาร์บอนด้วยกากน้ำตาลอัตราส่วน C:N ที่เหมาะสมมีผลดีต่อคุณภาพน้ำสำหรับการเพาะเลี้ยงและสามารถช่วยลดต้นทุนในค่าอาหารปลาเนื่องจากการเจริญเติบโตที่สูงขึ้นจากนำกลับโปรตีนจากอาหารสัตว์น้ำได้ในเวลาเดียวกัน แต่ข้อเสียของการใช้ไบโอฟลอคกับการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำนั้น มักจะพบว่าจะมีความขุ่นมากกว่าปกติ ซึ่งอาจจะส่งผลต่อสัตว์น้ำในระยะยาวได้ การแก้ไขก็คือ ให้มีการสูบตะกอนที่ก้นบ่อทิ้งสัปดาห์ละครั้งหรือบ่อยกว่านั้นก็จะเป็นผลดีต่อสัตว์น้ำในระยะยาว


ตัวอย่างการนำมาใช้ของเทคโนโลยีในประเทศไทย

อ้างอิงโดย https://www.siamagrisupply.com/page.php?content=news&id=118

                        http://www.asah.co.th/download/file/1418ac06.pdf

จัดทำโดย

นางสาวตุลาการ  โทเสร็จ  B5851263 (ผู้มีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาพิพากษาคดีในชั้นศาล)

นางสาวกาญจนา กิจทิพย์ B5851294 (ทองคำ)

นางสาวชรินรัตน์  จีระดิษฐ์ B5851454 (ผู้เป็นใหญ่ในน้ำและมีคุณค่ายิ่ง)

นางสาวศศิธร  จีรังโคกกรวด  B5851492 (ดวงจันทร์ แสงจันทร์เป็นแสงสว่างได้ในยามมืดมิด) หัวหน้ากลุ่ม  


Biofloc